สำหรับผู้ใช้รถ ประกันภัยรถยนต์ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นลำดับแรกๆ เพราะประกันสามารถช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายเมื่อเกิดอุบัติเหตุไม่ว่ากลับตัวเองหรือคู่กรณี รวมไปถึงบุคคลที่ 3 และทรัพย์สินด้วย เรียกได้ว่าประกันรถยนต์ช่วยให้ผู้ใช้รถอุ่นใจ สำหรับการเลือกประกันรถยนต์ให้เหมาะควรดูจากผู้ขับ ลักษณะการขับ และลักษณะของรถยนต์ด้วย
การพิจารณาเลือกบริษัทประกันภัย มีดังนี้
1.บริษัทประกันภัยรถยนต์ ในแต่ละบริษัทมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน การเลือกนั้นควรดูจากความมั่นคงทางการเงินแล้วนำปัจจัยมาประเมิน โดยบริษัทประกันภัยที่ดีจะมีความมั่นคงทางการเงินที่ดี มีบริการหลังการขายที่ดี เวลาเกิดเหตุขึ้นจะไม่มีปัญหาด้านการจ่ายสินไหมทดแทน และดูแลลูกค้าได้ตลอดเวลา
2.แบบประกันภัยรถยนต์ มีหลากหลายแบบ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า เช่น ประกันภัยชั้น 1 ชั้น 2 ชั้น 3 และปัจจุบันได้มีการเพิ่มประกันภัยสำหรับน้ำท่วมด้วย ยกตัวอย่างประกันชั้น 1 ที่เหมาะกับลูกค้าที่ต้องการประกันภัยแบบเบ็ดเสร็จ สามารถวางใจให้บริษัทเป็นผู้ดูแลในทุกๆส่วน
3.ลักษณะการขับ หากเป็นคนขับที่มักเจออุบัติเหตุบ่อย หรือไม่มีความระมัดระวัง หรืออยากสบายใจด้วยการให้บริษัทประกันภัยดูแลทั้งหมด ดังนั้นประกันชั้น 1 จึงเหมาะสมที่สุด
4.ระบุผู้ขับ บริษัทประกันภัยมีส่วนลดให้กับการประกันภัยที่ระบุผู้ขับโดยจะแบ่งช่วงของอายุซึ่งจะมีส่วนลด โดยสามารถระบุชื่อผู้ขับขี่ได้ไม่เกิน 2 คน และใช้เกณฑ์คนที่อายุน้อยเป็นหลักในการพิจารณา โดยที่แต่ละช่วงอายุจะมีอัตราส่วนลดแตกต่างกัน
5.ประวัติการขับ บริษัทประกันภัยจะให้ส่วนลดสำหรับการขับดีและไม่มีประวัติการเคลม โดยจะได้ส่วนลดแต่ละปีขึ้นเรื่อยๆ สูงสุดถึง 50 เปอร์เซ็นต่อปี
6.เบี้ยประกัน จะมีความแตกต่างกันในแต่ละบริษัท ถึงแม้จะคุ้มครองในแบบเดียวกันก็ตาม เนื่องจากความแตกต่างของตัวบริษัทประกันภัย การดูแล การเคลม จำนวนอู่รถที่ให้บริการ รวมถึงการบริการ ทำให้เบี้ยประกันมีราคาที่แตกต่างกัน
7.ความเสียหายส่วนแรก บริษัทประกันบางที่มีส่วนลดให้กับลูกค้า ซึ่งจะมีเบี้ยประกันที่ไม่แพง ขึ้นอยู่กับการตกลงกับทางบริษัท เป็นผลดีต่อลูกค้าที่มีประวัติดี
8.อู่รถหรือศูนย์บริการ ในแต่ละบริษัทมีศูนย์บริการนั้นเป็นพันธมิตร โดยมีคุณภาพที่ดีกว่าอู่ซ่อมทั่วไป และยังประหยัดเบี้ยประกันให้แก่ลูกค้าด้วย